วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2556

นวัตกรรมเกี่ยวข้องกับการศึกษา....





....นวัตกรรม (Innovation) หมายถึง การนำสิ่งใหม่ๆ อาจเป็นแนวความคิดหรือ สิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆที่ยังไม่เคยมีใช้มาก่อนหรือเป็นการพัฒนาดัดแปลงจากของเดิมที่มีอยู่แล้วให้ทันสมัยและได้ผลดีมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงกว่าเดิม ทั้งยังช่วยประหยัดเวลาแรงงานได้ด้วย นักการศึกษาและนักวิชาการก็ได้นำมาใช้ร่วมกับการศึกษา โดยใช้ชื่อว่า

...นวัตกรรมทางการศึกษา (Educational Innovation) ซึ่งหมายถึง การนำเอาสิ่งใหม่ซึ่งอาจจะอยู่ในรูปของความคิดหรือการกระทำรวมทั้งสิ่งประดิษฐ์ก็ตามเข้ามาใช้ในระบบการศึกษาเพื่อมุ่งหวังที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่มีอยู่เดิมให้ระบบการจัดการศึกษามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นทำให้ผู้เรียนสามารถเกิดการเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วเกิดแรงจุงใจในการเรียนและช่วยให้ประหยัดเวลาในการเรียน


...ดังนั้นการศึกษาในปัจจุบันไม่ได้จำกัดแต่เพียงในห้องเรียนหรือเพียงแต่วิธีการเรียนรู้แบบเดิมๆในตำรา หากแต่สามารถจัดการศึกษาได้โดยทั่วไป  ไม่ว่าจะเป็นในห้องเรียนหรือนอกห้องเรียนหรือแม้แต่การคิดประดิษฐ์สื่อการสอนหรือวิธิการสอนใหม่ๆเพื่อพัฒนาการสอนให้ทันยุคสมัยให้ผู้เรียนมีความเข้าใจและสนใจที่จะเรียนรู้ ซึ่งวันนี้ดิฉันก็มีตัวอย่างนวัตกรรมทางการศึกษาที่น่าสนใจและสามารถนำไปปรับใช้กับการเรียนการสอนได้จริง

"ทฤษฎีการเรียนรู้ คอนสตรัคชั่นนิสซึ่ม (Constructionism)"

ทฤษฎีการเรียนรู้ คอนสตรัคชั่นนิสซึ่ม (Constructionism) มีสาระสำคัญที่ว่า ความรู้ไม่ได้มาจากการสอนของครูหรือผู้สอนเพียงอย่างเดียว แต่ความรู้จะเกิดขึ้นและสร้างขึ้นโดยผู้เรียนเอง การเรียนรู้จะ เกิดขึ้นได้ดี    ก็ต่อเมื่อผู้เรียนได้ลงมือกระทำด้วยตนเอง (Learning by doing) นอกจากนั้นมองลึกลงไปถึงการพัฒนาการของผู้เรียนในการเรียนรู้ซึ่งจะมีมากกว่าการได้ลงมือปฏิบัติสิ่งใดสิ่งหนึ่งเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปฏิกริยาระหว่างความรู้ในตัวของผู้เรียนเอง ประสบการณ์และสิ่งแวดล้อมภายนอก หมายความว่า ผู้เรียนจะสามารถเก็บข้อมูลจากสิ่งแวดล้อมภายนอกและเก็บเข้าไปเป็นโครงสร้าง ของความรู้ภายในสมองของตนเอง ขณะเดียวกันก็สามารถเอาความรู้ภายในที่ตนเองมีอยู่แล้วแสดงออกมาให้เข้ากับ สิ่งแวดล้อมภายนอกได้ ซึ่งจะเกิดเป็นวงจรต่อไปเรื่อยๆได้ คือ ผู้เรียนจะเรียนรู้เองจากประสบการณ์ สิ่งแวดล้อมภายนอก แล้วนำข้อมูลเหล่านี้กลับเข้าไปบันทึกในสมองผสมผสานกับความรู้ภายในที่มี อยู่ แล้วแสดงความรู้ออกมาสู่สิ่งแวดล้อมภายนอก ดังนั้นในการลงมือปฏิบัติด้วยตนเองจะได้ผลดีถ้าหากว่าผู้เรียนเข้าใจในตนเอง มองเห็นความสำคัญในสิ่งที่เรียนรู้และสามารถเชื่อมโยงความรู้ระหว่างความรู้ ใหม่กับความรู้เก่า  และสร้างเป็นองค์ความรู้ใหม่ขึ้นมา ซึ่งทั้งหมดจะอยู่ภายใต้ประสบการณ์และบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการเรียนรู้  ถือได้ว่าทฤษฎีการเรียนรู้ Constructionism จะเน้นการสอนโดยให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ คือ วิธีการสอน    ที่ผู้เรียนดำเนินกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยตนเองเป็นส่วนใหญ่ ผู้เรียนสามารถเลือกสร้างงานหรือปฏิบัติในสิ่งที่มีความหมายกับตนเองหรือที่ตนเองสนใจ
บทบาทและคุณสมบัติที่ครูควรมีใน การสอนแบบ Constructionism
การสอนตามทฤษฎีการเรียนรู้ Constructionism ครูนับว่ามีบทบาทสำคัญมากในการที่จะควบคุมกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียนให้บรรลุตามเป้าหมาย ที่กำหนดไว้ ซึ่งครูที่ศึกษาทฤษฎีนี้ควรมีความเข้าใจในบทบาท คุณสมบัติที่ครูควรจะมี รวมทั้งทัศนคติที่ครูควรเปลี่ยนและสิ่งที่ต้องคำนึงถึง บทบาทของครู ในการดำเนินกิจกรรมการสอน ดังนี้
1. จัดบรรยากาศการเรียนรู้ให้เหมาะสม โดยควบคุมกระบวนการการเรียนรู้ให้บรรลุเป้าหมายตาม  ที่กำหนดไว้และคอยอำนวยความสะดวกให้ผู้เรียนดำเนินงานไปได้อย่างราบรื่น
2. แสดงความคิดเห็นและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ผู้เรียนตามโอกาสที่เหมาะสม
3.สร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่มีทางเลือกที่หลากหลาย เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เลือกตามความสนใจจะทำให้ผู้เรียนมีแรงจูงใจในการคิด การลงมือทำและการเรียนรู้
4. เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ตามแนวทางของทฤษฎี Constructionismโดยเน้นให้ผู้เรียนสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง เป็นผู้จุดประกายความคิดและกระตุ้นให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมการ เรียนโดยทั่วถึงกัน ตลอดจนรับฟังและสนับสนุนส่งเสริมให้กำลังใจแก่ผู้เรียนที่จะเรียนรู้เพื่อ ประจักษ์แก่ใจด้วยตนเอง
5. ช่วยเชื่อมโยงความคิดเห็นของผู้เรียนและสรุปผลการเรียนรู้ ตลอดจนส่งเสริมและนำทางให้ผู้เรียนได้รู้วิธีวิเคราะห์พฤติกรรมการเรียนรู้ เพื่อผู้เรียนจะได้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้

บทบาทของผู้เรียน

การเรียนรู้ตามทฤษฎี Constructionism ผู้เรียนจะมีบทบาทเป็นผู้ปฎิบัติและสร้างความรู้ไปพร้อมๆกันด้วยตัวของเขาเอง(ทำไปและเรียนรู้ไปพร้อมๆกัน) บทบาทที่คาดหวังจากผู้เรียน คือ
1.มีความยินดีร่วมกิจกรรมทุกครั้งด้วยความสมัครใจ
2.เรียนรู้ได้เอง รู้จักแสวงหาความรู้จากแหล่งความรู้ต่างๆที่มีอยู่ด้วยตนเอง
3.ตัดสินปัญหาต่างๆอย่างมีเหตุผล
4.มีความรู้สึกและความคิดเป็นของตนเอง
5.วิเคราะห์พฤติกรรมของตนเองและผู้อื่นได้
6.ให้ความช่วยเหลือกันและกัน รู้จักรับผิดชอบงานที่ตนเองทำอยู่และที่ได้รับมอบหมาย
7.นำสิ่งที่เรียนรู้ไปประยุกต์ใช้ประโยชน์ในชีวิตจริงได้

โดยสรุปแล้ว หลักการเรียนรู้ตามทฤษฎี Constructionism เป็นการเรียนรู้ที่ผู้เรียน  เรียนรู้จากการสร้างงาน ผู้เรียนได้ดำเนินกิจกรรมการเรียนด้วยตนเองโดยการลงมือปฏิบัติหรือสร้างงานที่ตนเองสนใจ      ในขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้สัมผัสและแลกเปลี่ยนความรู้กับสมาชิกในกลุ่ม ให้ผู้เรียนสร้างองค์ความรู้ขึ้นด้วยตนเอง  จากการปฎิบัติงานที่มีความหมายในบริบทที่แท้จริงของตน ทั้งนี้ครูผู้สอนจะต้องสร้างให้เกิดองค์ประกอบได้แก่ 1) ให้ผู้เรียนได้ลงมือประกอบกิจกรรมด้วยตนเอง (ได้สร้างชิ้นงาน) ตามความสนใจ ตามความชอบหรือความถนัด ของแต่ละบุคคล 2) ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ภายใต้บรรยากาศและสภาพแวดล้อมในการเรียนรู้ที่ดี  3)มีเครื่องมืออุปกรณ์ในการประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ที่เหมาะสม  ซึ่งการที่นักเรียนจะประสบผลสำเร็จมากน้อยเท่าไรขึ้นอยู่กับบทบาทของครูด้วย  โดยครูจะต้องเปลี่ยนบทบาทของตนเองมาเป็นผู้อำนวยความสะดวก (Facilitator) ในการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน ให้คำปรึกษาชี้แนะแก่นักเรียน

...นี้คือตัวอย่างนวัตรกรรมทางการศึกษาที่สามารถนำไปปรับใช้กับการเรียนการสอนได้ ซึ่งจะช่วยให้เด็กนักเรียนมีความคิดสร้างสรรค์ และการเรียนแบบนี้ยังช่วยพัฒนาให้นักเรียนมีความกล้าแสดงออกด้วย


ที่มา: ธีระยุทธ  วิเศษสังข์ นิสิตปริญญาเอก สาขานวัตกรรมหลักสูตรและการเรียนรู้คณะศึกษาศาสตร์  มหาวิทยาลัยมหาสารคาม  

วันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2556

การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีสารสนเทศมีผลต่อกระบวนทัศน์ทางการศึกษาอย่างไรและส่งผลกระทบต่อตัวเราอย่างไร

แรกเริ่มรู้จัก...

 "เทคโนโลยีสารสนเทศ" จริงแล้วมาจากคำที่เราเรียกกันอยู่บ่อยครั้งว่า ไอที ( IT : Information Technology )  ทั้งนี้ IT ประกอบด้วย 2 คำ คือ Technology และ Information...เทคโนโลยี (Technology) หมายถึง การประยุกต์เอาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ การศึกษาพัฒนาองค์ความรู้ต่างๆ ก็เพื่อให้เข้าใจธรรมชาติ กฎเกณฑ์ของสิ่งต่างๆ และหาทางนำมาประยุกต์ให้เกิดประโยชน์ เทคโนโลยีจึงเป็นคำที่มีความหมายกว้าง
...สารสนเทศ (Information) หมายถึง ข้อมูลที่ผ่านการประมวลผล และเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ มนุษย์แต่ละคนตั้งแต่เกิดมาได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ เป็นจำนวนมาก เช่น เรียนรู้สภาพสังคมความเป็นอยู่ กฎเกณฑ์และวิชาการ เป็นต้น ลองจินตนาการดูว่าภายในสมองของเราเก็บข้อมูลอะไรบ้าง เราคงตอบไม่ได้ แต่สามารถเรียกเอาข้อมูลมาใช้ได้ ข้อมูลที่เก็บไว้ในสมอง เป็นสิ่งที่สะสมกันมาเป็นเวลานาน ความรอบรู้ของแต่ละคนจึงขึ้นอยู่กับการเรียกใช้ข้อมูลนั้น ดังนั้นจะเห็นได้ชัดว่าความรู้เกิดจากข้อมูลข่าวสารต่างๆ ทุกวันนี้มีข้อมูลอยู่รอบตัวเรามาก ข้อมูลเหล่านี้มาจากสื่อ เช่น วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ อินเทอร์เน็ต หรือแม้แต่การสื่อสารระหว่างบุคคล จึงมีผู้กล่าวว่ายุคนี้เป็นยุคของสารสนเทศ
...เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology : IT) หมายถึง เทคโนโลยีที่ใช้จัดการ สารสนเทศ เป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องตั้งแต่การรวบรวม การจัดเก็บข้อมูล การประมวลผล การพิมพ์ การสร้างรายงาน การสื่อสารข้อมูล ฯลฯ เทคโนโลยีสารสนเทศยังรวมถึงเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดระบบการให้บริการ การใช้ และการดูแลข้อมูลด้วย (http://most.go.th/ictc/index.php/ictc-km/it-library/48-it-articles/89--information-technology.html?start=1)



นานวันไปรู้ใจกลายเป็นเพื่อนกัน...

...ปัจจุบันโลกของเรามีการเทคโนโลยีและความก้าวหน้าต่างๆมากมายเช่น โทรศัพท์มือถือ ซึ่งกลายเป็นสิ่งที่มีแทบทุกคนเพราะเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกไว้ติดต่อสือสารกัน ซึ่งแต่เดิมโทรศัพท์มือถืออาจมีความสำคัญเพียงแค่ติดต่อสือสารการไม่ได้มีบทบาทเรืองการช่วยอำนวยความสะดวกทางด้านการศึกษาเท่าไรเพราะมือถือสมัยก่อนยังไม่มีการพัฒนาโปแกรมที่ช่วยอำนวยความสะดวกเหล่านี้ ฉะนั้นในสมัยก่อนโทรศัพท์มือถือจึงมีความสำคัญเพียงเพื่อสื่อสารไม่มีความสำคัญต่อการศึกษามากมายนัก แต่ทุกวันนี้มีการพัฒนาให้มีความทันสมัยมากขึ้น เช่นจากโทรศัพท์มือถือธรรมดา ก็กลายเป็น สมาร์ทโฟน ซึ่งมีความันสมัย มีความก้าวหน้าในด้านการสื่อสารข้อมูลไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมต่างๆที่มีความหลากหลายมากขึ้น เช่นโปรแกรมเกี่ยวกับด้านการศึกษา
ที่มีการพัฒนามากขึ้น ยกตัวอย่างเช่นเราต้องการที่จะอ่านหนังสือหรือหาข้อมูลต่างๆเราก็ไม่ต้องเดินทางไปอ่านที่ห้องสมุดหรือตามศูนย์ต่างๆเพียงแค่เรามีโทรศัพท์มือถือและมีโปรแกรม e-book เราก็สามารถอ่านหนังสือบนโทรศัพท์ของเราได้เป็นต้น ซึ่งการพัฒนาโปรแกรมต่างๆ ของโทรศัพท์มือถือเหล่านี้ล้วนมีต้นกำเนิดมาจากเทคโนโลยีสารสนเทศสิ้น ดังนั้น เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ระบบสารสนเทศ จึงเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเราทุกคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 


ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีสารสนเทคต่อตัวเรา


...อย่างไรก็ตามการพัฒนาของเทคโนโลยีที่ทำให้มีความสะดวกสบายจนบางครั้งเราลืมวิถีชีวิตแบบเดิมๆที่เช่นเวลาต้องต้องการหาข้อมูลทำรายงานแต่เดิมก็รีบเข้าห้องสมุดเพื่อไปหาหนังสือเพราะกลัวว่ามีคนอื่นยืมไปก่อนทำให้เรามีความกระตือรือร้นในการทำงานแต่เดี่ยวนี้เราอาจคิดว่าหาข้อมูลได้จากเว็บไซด์ต่างๆมากมายไม่จำเป็นต้องรีบร้อนจนทำให้เราขาดความกระตือรือร้นบางครั้งสิ่งเหล่านี้ก็ทำร้ายเราทางอ้อมโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน ดังนั้นเราควรก้าวไปพร้อมกับเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาขึ้นทุกวันด้วยความมีสติ